“โนแอล กรองด์ชอง” สุดปลื้ม หลังคว้าชัยกู้ศรัทธาต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทย เผยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นคนไทยส่งเสียงเชียร์ลั่นสนาม หลังจากนี้พร้อมลุยทุกกติกาเมื่อโอกาสมาถึง โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่เข็มขัดแชมป์โลก MMA ซึ่งปัจจุบันมี “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” นั่งครองอยู่
“โนแอล กรองด์ชอง” นักสู้สาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส วัย 27 ปี กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง หลังโชว์ชั้นเชิงเกมยืนสุดแกร่งแซงเอาชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือ “วิกตอเรีย ซูซา” สาวแกร่ง วัย 26 ปี จากบราซิล ในศึก ONE Fight Night 20 ณ สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา
ครั้งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งไฟต์สำคัญที่ “โนแอล” ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนกีฬาต่อสู้ชาวไทยกลับคืนมาให้ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกบนสมรภูมิ ONE ซึ่งการปราชัยในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ก่อนจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เธอได้สัมผัสกับคำว่าชัยชนะอีกครั้ง ด้วยพลังงานบวกที่มีในตัวอย่างเหลือล้น
สำหรับเกมการแข่งขันในไฟต์นี้ “โนแอล” สามารถเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในศาสตร์ของเกมยืนที่เธอเดินหน้าออกหมัดได้อย่างหนักหน่วงและแม่นยำ จนเกือบปิดเกมเร็ว “วิกตอเรีย” ได้ตั้งแต่ยกแรก และด้วยประสบการณ์บวกกับความไม่ประมาท เธอจึงปรับสไตล์การต่อสู้อย่างชาญฉลาดจนนำมาซึ่งชัยชนะในครั้งนี้
ชัยชนะในครั้งนี้นอกจากการฝึกฝนที่หนักหน่วงแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่จะอดพูดถึงไม่ได้นั่นคือกำลังแรงใจจากคนไทยที่คอยส่งเสียงเชียร์เธอดังกระหึ่มไปทั่วสนามอย่างไม่ขาดสาย เธอจึงขอมอบชัยชนะในครั้งนี้ให้กับคนไทยทั่วทั้งประเทศ
“ที่สนามในวันนั้น หนูได้เห็นคนไทยตะโกนส่งเสียงเชียร์ลงมาอย่างไม่ขาดสายซึ่งเป็นอะไรที่สุดยอดมากค่ะ หนูอยากขอบคุณคนไทยที่เข้ามาเชียร์ และขอมอบชัยชนะครั้งนี้ให้กับพวกเขาค่ะ”
ส่วนเป้าหมายต่อไป “โนแอล” ยังคงมุ่งหวังสานต่อชัยชนะเพื่อให้เข้าใกล้กับโอกาสท้าชิงบัลลังก์ที่ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ครอบครองอยู่ ขณะเดียวกันเธอก็ไม่หวั่นหากได้รับข้อเสนอให้ขึ้นสู้ในกติกาอื่นๆ
“หนูนับถือ แสตมป์ นะคะ แต่หนูอยากได้เข็มขัดแชมป์เส้นนั้น หลังจากนี้มาดูกันว่าเขาจะส่งใครมาเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไปเพื่อที่หนูจะได้เข้าใกล้กับการชิงเข็มขัดมากขึ้น และหนูก็ไม่มีปัญหาถ้าจะให้ลงแข่งขันในกติกาปล้ำจับล็อก หรือ มวยสากล บางทีหนูอาจจะได้ครองเข็มขัดสามเส้นในอนาคตก็ได้ค่ะ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh