“ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 เก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จภายใต้การนำทีมของ รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุเกส เราไปดูประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้กัน
อโมริม ให้โอกาสทุกคนManchester United FC v Everton FC – Premier League / Alex Livesey/GettyImages
รูเบน อโมริม บอส แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปรับ 11 ตัวจริง 6 คนจากเกม ยูโรปา ลีก กับ โบโด กลิมท์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ค็อบบี้ เมนู, กาเซมีโร่, ดิโอโก้ ดาโลต์, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อาหมัด ดิยัลโล่ และ โจชัว เซิร์กซี สตาร์ทตัวจริง แทน มานูเอล อูการ์เต้, เมสัน เมาท์, อันโตนี่, ไตเรลล์ มาลาเซีย, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ราสมุส ฮอยลุนด์
เข้าใจได้ไม่ยากครับ เนื่องจากโปรแกรมช่วงนี้ชุกจัด ๆ เลย แถมยังมีเกมพรีเมียร์ลีกกลางสัปดาห์กับ อาร์เซนอล (เยือน) ด้วย อโมริม จึงจำเป็นต้องหมุนเวียนผู้เล่น บนภายใต้โจทย์คือ “ต้องคว้าชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้น”
นอกจากหมุนเวียนนักเตะในทีม และลองทีมไปในตัวแล้ว อโมริม ก็พยายาม “ให้โอกาส” แข้ง ปีศาจแดง ทุกคนนะครับ และซื้อใจผู้เล่นด้วย แถมยังใช้โควตาเปลี่ยนตัวครบทุกนัดอีกต่างหาก นับตั้งแต่เข้ามาคุมทัพ
ถึงตรงนี้ นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับโอกาสแทบจะทุกคนแล้วนะครับ มีเพียง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่อยู่โรงหมอ และ เลนี่ โยโร่ ผู้ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเรียกความฟิต
ผ่านไปสามนัด กองหลังสามคนน่าจะยึด นูสซาอีร์ มาซราอุย, มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เป็นหลัก
วิงแบ็กขวา อาหมัด ดิยัลโล่ จองแล้ว ขณะที่วิงแบ็กซ้าย ณ ตอนนี้คงต้องใช้งาน ดีโอโก้ ดาโลต์ ไปก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังมองหาวิงแบ็กซ้ายตัวใหม่อยู่ อาจเป็นตลาดหน้าหนาวนี้ หรือ ซัมเมอร์ปีหน้า
ส่วนคู่กลาง และแนวรุก ยังไม่แน่ชัด
“คุณสามารถรู้สึกได้เลยระหว่างเกมว่า มันไม่ใช่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขั้นสุด แต่มันเป็นฟอร์มที่ขึ้น ๆ ลง ๆ“
”เรามีบางช่วงที่ทำได้ดี แต่ก็มีบางช่วงที่เราเผชิญกับความยากลำบาก เราทำแบบนั้นอีกครั้งเหมือนในเกม ยูโรปา ลีก เราต้องการเวลาในการฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเอง” บอส ปีศาจแดง ระบุหลังเกม
จุดเปลี่ยนของเกมManchester United FC v Everton FC – Premier League / Visionhaus/GettyImages
เอาจริง ๆ เอฟเวอร์ตัน โชว์ฟอร์มได้ดีนะครับ พวกเขาดูดีกว่าเจ้าถิ่น เล่นด้วยความมั่นใจในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
แดนกลางพวกเขาเหนือกว่า กาเซมีโร่ และ ค็อบบี้ เมนู แรงปะทะและความแข็งแกร่งทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
กาเซมีโร่ โรยราลงไปทุกที ส่วน เมนู เพิ่งหายเจ็บกลับมา และลงเล่นเป็นเกมแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
ปัญหาคือ แผนกตัวรุกของทีมลูกอม ไร้คุณภาพ ไม่มีความเฉียบขาด ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสได้
ในเมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ แถมคุณภาพก็เป็นรองเจ้าถิ่นอีกต่างหาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโดนลงโทษ
ประตูขึ้นนำ 1-0 ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในนาที 34 กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม หลังจากนั้นทีมของ ฌอน ไดช์ ก็เริ่มออกลูกผิดพลาดให้เห็น ก่อนจะมาโดนอีกลูกใน 7 นาทีต่อมา
เท่านั้นไม่พอ เริ่มต้นครึ่งหลังไปได้เพียงนาทีเดียว ก็มาเสียเม็ดที่สามอีก
เป็นอันจบข่าว ว่าแล้วผู้เล่นทีมลูกอมขอปล่อยจอยดีกว่า
“คุณสามารถรู้สึกได้เลยว่า เรามีหนทางอีกยาวไกล” อโมริม กล่าวหลังจบเกม
“คุณรู้สึกได้ในช่วงแรก ๆ ของเกม ซึ่งเราทำได้ดี แต่หลังจากนั้น เอฟเวอร์ตัน ก็คุมเกมได้ จากนั้นเราก็ได้ประตูในช่วงเวลาที่เหมาะสม และนั่นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม”
สัญญาณบวกManchester United FC v Everton FC – Premier League / Alex Livesey/GettyImages
สามนัดแรกภายใต้การควบคุมของ รูเบน อโมริม แมนฯ ยูไนเต็ด ซัดไปแล้ว 8 ประตู และเสียไป 3 ลูก
โฟกัสไปที่ประตูที่พวกเขาผลิตได้ มาจาก…
– แรชฟอร์ด (3)
– ฮอยลุนด์ (2)
– เซิร์กซี (2)
– การ์นาโช่ (1)
มาจากผู้เล่นแดนหน้าทั้งนั้นเลยนะครับ ที่สำคัญมาจากผู้เล่นกองหน้ามากกว่าด้วย
ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก ๆ สำหรับทีมของ อโมริม หลังก่อนหน้านี้พวกเขาดิ้นรนอย่างหนักในเรื่องการผลิตสกอร์บนยุค เอริค เทน ฮาก
รู้หรือไม่?
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะคู่แข่งในเกมพรีเมียร์ลีกด้วยสกอร์ 4 ประตูขึ้นไป ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เปิดบ้านถล่ม ลีดส์ 5-1 เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ยุค โอเล่ กุนาร์ โซลชา
อาหมัด ไฉไลอีกครั้งManchester United FC v Everton FC – Premier League / Visionhaus/GettyImages
ปีกทีมชาติ ไอวอรี่โคสต์ วัย 22 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจสุด ๆ นับตั้งแต่ อโมริม เข้ามาคุมทัพ
แม้ว่าจะผ่านไปเพียงแค่สามเกม แต่ อาหมัด ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด
เขาใส่ความมุ่งมั่น ความขยัน และทัศนคติที่ยอดเยี่ยมลงไปทุกครั้งที่เขาอยู่ในสนาม
นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง
ประตูที่สอง และ ประตูที่สี่ที่ทีมได้ ต้องยกเครดิตให้เขาทั้งสองลูกที่วิ่งไล่เพรสซิ่งจนทำให้คู่แข่งก่อความผิดพลาด แถมเกมนี้จัดสองแอสซิสต์ด้วย
เท่ากับว่า 3 นัดของเขาในยุค อโมริม ทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์
แน่นอนว่า เขาคือ ”แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ในเกมนี้