ลิเวอร์พูล จัดใหญ่ใส่ชุดเต็ม
เกมนี้มีผิดคาดเล็กๆก่อนเกมตรงที่แม้ว่า เกมแรกหงส์แดงจะยิงมาแล้วขาดลอยถึง 5-1 แต่ เยอร์เกน คล็อปป์ ก็ยังคงใช้ชุดที่ดีที่สุดลงสนาม โดยมีเพียง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เท่านั้นที่นั่งพักรอโอกาสไปก่อน แต่แข้งตัวเก่งรายอื่นๆอย่าง ดาร์วิน นูเญซ, โดมินิค โซบอสซไล, วาตารุ เอ็นโด, โจ โกเมซ หรือแม้แต่ โม ซาลาห์ เองกลับถูกส่งลงบู๊ แถม “บังโม” ยังได้เล่นแบบเต็มเกม 90 นาทีชนิดที่ปล่อยหมดไม่มีกั๊กเลยก็ว่าได้
ซาลาห์ กับสถิติถล่มประตูต่อเนื่อง
เกมนี้ โม ซาลาห์ กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้งและทำได้ 1 ประตู ซึ่งประตูนี้ส่งให้เขายิงครบ 20 ลูกรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ แค่นั้นยังไม่พอ เพราะนี่คือการยิงเกิน 20 ลูกมาแล้ว 7 ฤดูกาลติดต่อกันอีกด้วย
เกมจบตั้งแต่ 10 นาทีแรก
หลายคนหากเปิดดูช้าไปสัก 10 นาทีคงจะงงว่าสกอร์มันไม่ได้เริ่มที่ 0-0 หรือยังไง เพราะ ลิเวอร์พูล เกมนี้ก็ดุดันเหลือเกินกับการยิง 3 ลูกตั้งแต่ 10 นาทีแรกชนิดที่ไม่ปล่อยให้คู่แข่งลืมตาอ้าปากกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็มาบวกเพิ่มได้อีกจนเชื่อได้เลยว่าอาจมีแฟนๆบางส่วนตัดสินใจปิดไฟนอนทันทีเลยก็เป็นได้ เพราะเห็นทรงแล้วชนะแน่นอนล้านเปอร์เซนต์
ยิงข่ม แมนฯ ยูฯ
อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมต่อไปของ ลิเวอร์พูล คือศึกแดงเดือด ที่ต้องบุกไปเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรายการเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งทั้งสองทีมจะเน้นกันสุดๆอย่างแน่นอน แถมเกมนี้ คล็อปป์ เองก็ไม่มีกั๊กจัดการส่งตัวจริงยิงถล่มคู่แข่งเละเทะเหมือนจะข่มๆปีศาจแดง และบอกเป็นนัยว่าพวกเขาพร้อมแล้ว ทั้งสภาพทีม, นักเตะ และความมั่นใจสำหรับเกมวันอาทิตย์นี้