เลกแรกยิงยับสบายตัว! ควันหลงยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีม "สปาร์ตา ปราก 1-5 ลิเวอร์พูล"

เลกแรกยิงยับสบายตัว! ควันหลงยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีม "สปาร์ตา ปราก 1-5 ลิเวอร์พูล"

ดาร์วิน นูเญซ ซัด 2 ประตูช่วยหงส์แดงบุกคว้าชัยเหนือ สปาร์ตา ปราก 5-1 กุมความได้เปรียบสุดๆไปก่อนในศึกยูฟา ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก

เกมตัดสินที่ความเฉียบคม

หากใครตื่นมาเห็นแค่สกอร์คงคิดว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล คงกินหมูแบบชิลๆ แต่บอกเลยว่าไม่ใช่แบบนั้น เพราะวันนี้โชคดีที่ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ยังคงท็อปฟอร์ม ช่วยเซฟสวยๆไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งต้นเกมทั้งสองทีมเปิดแลกกันอย่างสนุกผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้คือ หงส์แดงสามารถฉวยโอกาสเอาไว้ได้อย่างเฉียบขาด ขณะที่ สปาร์ตา ปราก ยิงนกตกปลาไปเอง ซึ่งหากพวกเขาคมกว่านี้อีกนิดเกมคงไม่ขาดลอยแบบนี้แน่นอน
dประตูที่ 1,000 ของ เยอร์เกน คล็อปป์

ก่อนเกมจะเริ่ม คล็อปป์ คุม ลิเวอร์พูล ยิงประตูไปแล้วทั้งสิ้น 998 ลูกรวมทุกรายการ ซึ่งประตูที่สองในเกมนี้ของ นูเญซ ถือเป็นประตูที่ 1,000 อย่างเป็นทางการของ คล็อปป์ ในการคุมหงส์แดง นับตั้งแต่เข้ามารับงานเมื่อปี 2015

พรีเซียโด ฉีกแนวรับหงส์แดง

หนึ่งคนที่ผลงานโดดเด่นของ สปาร์ต้า ปราก ในเกมนี้คือ อันเจโล พรีเซียโด วิงแบ็กขวาชาวเอกวาดอร์ที่มีทั้งความเร็ว ความสามารถเฉพาะตัวดี แถมยังยิงคมจ่ายบอลแม่น ซึ่งวันนี้เกมรับฝั่งซ้ายของหงส์แดงที่มีทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ จาเรลล์ ควอนซาห์ คุมอยู่นั้นโดนเล่นงานอย่างหนักและหลายครั้งเจ้าตัวสามารถฉีกหลุดไปสร้างโอกาสสวยๆให้ทีมได้ แต่ก็อย่างที่บอก ต้องขอบคุณ เคลเลเฮอร์ ที่เป็นกำลังสำคัญช่วยเซฟเกมรับ ลิเวอร์พูล เอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
qลูก ซาลาห์ ล้ำตรงไหน?

ประเด็นนี้ดูจะเบาบางไปเพราะหงส์แดงเองเอาชนะขาดถึง 4 ประตู แต่ลองเกมตึงๆ สูสีๆ จังหวะนี้คงถูกพูดถึงกันระงมอย่างแน่นอน โดยลูกปัญหาเป็นจังหวะที่ โม ซาลาห์ รับบอลในกรอบเขตโทษและยิงเข้าไป แต่สุดท้าย VAR ดึงคืนและแจ้งว่าเป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งดูจากภาพช้า ยังไงก็ไม่ล้ำ! แถมหลังจากนั้นก็ไม่มีการตีเส้นให้ดูเลยจนจบเกมทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการตีเส้นให้เห็นตลอดในครึ่งแรก

3 เกมชี้ชะตา 3 แชมป์ที่เหลือ

ช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้ของ ลิเวอร์พูล ดูจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของหงส์แดงที่จะชี้ชะตาการลุ้นแชมป์ 3 รายการของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เริ่มจากการเปิดบ้านต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทราบกันดีว่าผลแพ้ชนะเกมนี้มีจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ต่อด้วยเกมยูโรปา ลีก กลางสัปดาห์ที่เหมือนจะงานเบา ยิงตุนมาแล้วด้วยระยะห่างถึง 4 ประตู ก่อนที่สุดสัปดาห์ต่อไปจะเป็นเกม “แดงเดือด” ในศึกเอฟเอ คัพ ที่ดูเหมือนว่า คล็อปป์ เองก็หวังจะได้ชูถ้วยใบนี้เป็นการส่งท้ายเช่นเดียวกัน