เบิร์นลี่ย์ 1-4 เชลซี : ประเด็นหลังเกม สิงห์บลูฟอร์มเฉียบ ,"สเตอร์ลิ่ง" เป็นฮีโร่พลิกเกม

เบิร์นลี่ย์ 1-4 เชลซี : ประเด็นหลังเกม สิงห์บลูฟอร์มเฉียบ ,"สเตอร์ลิ่ง" เป็นฮีโร่พลิกเกม

 ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24
 วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566
 
ผลการแข่งขัน: เบิร์นลี่ย์ 1-4
เชลซี

สนาม: เทิร์ฟ มัวร์

 

3 ตัวเจ็บนัดก่อน พร้อมทั้งหมด

ในจำนวนตัวเจ็บที่ยังคงกองสุมสำหรับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นั้น (คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, รีซ เจมส์, เบน ชิลเวลล์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, เทรโวห์ ชาโลบาห์, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ฯลฯ) ควรถือเป็นข่าวดีว่า 3 นักเตะที่เจ็บเพิ่มจากเกมชนะ ฟูแล่ม 2-0 เมื่อวันจันทร์ ฟื้นกลับมาอยู่ในทีมทั้งหมด

มอยเซส ไคเซโด้ ที่กะเผลกออกจากเกมมันเดย์ไนท์ ฟิตพร้อมลงตัวจริงแดนกลางตามปกติ

อาร์มันโด้ โบรย่า ที่เกมก่อนโดนถอดออกหลังครบชั่วโมง ฟิตพร้อมลงปักหลักหน้าเป้า

และ มิไคโล มูดริค ที่เมื่อวันจันทร์เล่นได้อย่างโดดเด่น เรต 8/10 แต่อยู่ในสนามแค่ครึ่งแรกครึ่งเดียว ก็ยังถูกใส่ชื่อไว้เป็นสำรอง

เมื่อทั้ง 3 พร้อม จึงนับว่า โปเช็ตติโน่ ไม่ได้มีปัญหาเพิ่มไปมากกว่าตัวเจ็บเก่า และทำให้ 11 คนแรกวันนี้ เปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้โอกาสแทน มูดริค บ้าง

และถือเป็นการเลือกที่ถูกต้องแม่นเป๊ะของ โปเช็ตติโน่ ทีเดียว

Raheem SterlingRaheem Sterling โดนนำเร็ว แต่สิงห์ไม่สั่น

เชลซี เริ่มต้นเกมนี้ไม่สู้ดี และทำให้แฟนๆ ต้องใจหายลงตาตุ่มอีกครั้ง กับลูกโยกของหอกเด็ก 18 วิลสัน โอโดแบร์ ที่ทำเอา มาร์ก กูกูเรย่า เสียจังหวะ โดนยิงผ่านมาเข้าเสาสองพอดิบพอดี ในนาทีที่ 15

แต่ที่ต้องชมคือ หลังจากโดนเจาะแล้ว เชลซี ก็ยังคุมสติได้อยู่ ไม่ปล่อยให้เกมเละเทะหรือ เบิร์นลี่ย์ ได้ประตูที่ 2 ฉีกระยะสกอร์นำเพิ่ม

เชลซี มาได้ประตูตีเสมออย่างมีโชคในช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะ นาที 42 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เปิดจากซ้ายยัดแรงเข้าใน ชนขา อามีน อัล-ดาคิล ผลุบเข้าประตูตัวเอง

ประตูนี้ทำให้ เชลซี หายใจโล่งขึ้นเยอะเมื่อสามารถเข้าสู่ครึ่งหลังแบบไม่เป็นฝ่ายตามหลัง

และที่สำคัญ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ “สเตอร์ลิ่ง ร่างทอง” เสียด้วย

FBL-ENG-PR-BURNLEY-CHELSEAFBL-ENG-PR-BURNLEY-CHELSEA วันของ สเตอร์ลิ่ง

ในการตัดเรตของเรา ให้ สเตอร์ลิ่ง แบบไม่ต้องกั๊ก 10/10 ไปเลย

ส่วนทาง ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด ให้ที่ 9/10

สกาย สปอร์ตส์ ให้ 9

หรือ เดอะ ซัน ก็ให้ 9 เช่นกัน

นั่นเพราะเกมนี้ สเตอร์ลิ่ง ทำได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ เป็นฟอร์มที่ทำให้แบ็กขวาของ เบิร์นลี่ย์ อย่าง วิตินโญ่ ต้องนอนฝันร้ายไปหลายวัน

ทั้งประตู 1-1 ที่กระชากขึ้นไปเปิดยัด ชนกองหลังเข้าประตูตัวเอง, 2-1 จุดโทษที่มาจาก สเตอร์ลิ่ง โดน วิตินโญ่ เข้าฟาวล์, 3-1 พาเข้าไปซัดเน้นๆ เสียบเสาสอง และ 4-1 ที่ขึ้นทางซ้ายแบบ “ผ่านตลอด” ก่อนเปิดข้ามไปถึง พาล์มเมอร์ ที่แอสซิสต์ต่อให้ นิโคลัส แจ๊คสัน ยิงปิดเกม

สื่อผู้ดีอาจมุ่งเน้นที่ประเด็นว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต พลาดแล้วที่ไม่เรียก สเตอร์ลิ่ง ไปติดทีมชาติอังกฤษในเดือนนี้ แต่ในส่วนของ เชลซี คงยินดีที่นักเตะจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บเพิ่ม ได้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน พักผ่อนและเตรียมความพร้อมให้เต็มที่เพื่อเกมนัดถัดไป

Raheem SterlingRaheem Sterling เชลซี เริ่มมา…?

เป็นอีก 3 แต้มและอีกชัยชนะที่เข้ามือ ถัดจากการบุกชนะ ฟูแล่ม 2-0 เมื่อวันจันทร์

6 แต้มเต็มจาก 2 เกมหลัง ทำให้ เชลซี ขยับอันดับขึ้นเล็กน้อย มายืนที่ 10 ในตอนนี้

สิ่งสำคัญมากกว่าอันดับตาราง ก็คือชัยชนะนั่นแหละ — ชนะในเกมที่ควรชนะ เก็บแต้มได้ในวันที่ดูเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ถ้าทำแบบนี้ไปได้ตลอด ความหวังในการกลับสู่โซนบนของตาราง ก็ถือว่าเปิดกว้าง

ดังนั้น ต้องจับตาดูเลยว่า กับการที่ต้อง “สะดุด” หยุดพัก 2 สัปดาห์ให้กับคิวทีมชาติงวดนี้ จะทำให้ เชลซี ฟอร์มหลุดหรือไม่เมื่อ พรีเมียร์ลีก จะกลับมาเตะอีกที อีก 14 วันข้างหน้าโน่น

ที่สำคัญ ยังเป็นโปรแกรมโหด เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ฟัดรองแชมป์เก่า อาร์เซน่อล เสียด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เจอ อาร์เซน่อล แล้ว จะตามด้วยการพบ เบรนท์ฟอร์ด, สเปอร์ส, แมนฯ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล ตามลำดับ

ดังนั้นก็ชัดเจนว่า สี่ซ้าห้านัดข้างหน้า สำคัญมากๆ กับความเป็นไปของ เชลซี ซีซั่นนี้

Mauricio Pochettino, Moises CaicedoMauricio Pochettino, Moises Caicedo เบิร์นลี่ย์ อาการน่าเป็นห่วง

ในส่วนของ เบิร์นลี่ย์ แชมป์เก่า อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้การทำทีมของตำนานเรือ แว็งซ็องต์ ก็องปานี อาจกำชัยเกมแรกได้แล้วเมื่อกลางสัปดาห์ แต่ก็เป็นการชนะอดีตทีม ชปช. ด้วยกันอย่าง ลูตัน ทาวน์ 2-1

นั่นเท่ากับว่า เมื่อต้องเจอ “ทีมพรีเมียร์ลีกจริงๆ” แล้ว เบิร์นลี่ย์ ไปไม่เป็นเลย — มี 1 แต้มจาก 7 นัด (ที่ไม่ใช่การเจอ ลูตัน)

  • แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-3

    แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3

    แพ้ สเปอร์ส 2-5

    เสมอ ฟอเรสต์ 1-1

    แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1

    แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2

    (ชนะ ลูตัน ทาวน์ 2-1)

    แพ้ เชลซี 1-4

แม้อาจพออ้างได้ว่า คิวที่ผ่านๆ มาเป็นการเจอของแข็ง ทีมใหญ่ซะมาก แต่นั่นก็เป็นภาพสะท้อนอยู่ดีว่า เบิร์นลี่ย์ ยัง “ไม่อยู่ในระดับที่สามารถต่อกรได้” กับบรรดาทีมแข็งๆ ของลีกสูงสุด

เป็นการบ้านกองโตของทั้ง ก็องปานี และบอร์ดบริหารทีมงานซื้อขาย ในการต้องทำให้ เดอะ คลาเร็ตส์ ดีพอให้ได้–โดยด่วน

ไม่เช่นนั้น ดูทรงคงได้กดลิฟท์สวนทางกับ เลสเตอร์ ซิตี้ อีกรอบเป็นแน่

James TraffordJames Trafford